ตระกูลเก็นจิ (源氏)

ตระกูลมินาโมโตะ เป็นตระกูลขุนศึกที่ทรงอำนาจและอิทธิพลที่สุดตระกูลหนึ่งในญี่ปุ่นยุคเฮอัน เนื่องจากตระกูลนี้ได้ครองตำแหน่งโชกุนเป็นตระกูลแรกของญี่ปุ่น...

ตลอดช่วงยุคสมัยของนารา (奈良時代) ประมาณ ค.ศ. 710-794 ต่อเนื่องถึงยุคเฮอัน (平安時代) ประมาณ ค.ศ. 794-1185มีอยู่ 4 นามสกุล (本性) ที่เป็นชื่อของตระกูลในญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงและเจริญรุ่งเรืองมากที่สุดมาตั้งแต่สมัยโบราณ ซึ่งได้แก่เก็นจิ (源氏), ไทระ (平氏), ฟูจิวาระ (藤原氏) และทาจิบานะ (橘氏) ซึ่งเป็นชื่อของนามสกุลที่ได้รับมอบจากองค์จักรพรรดิทั้งสิ้นโดยทั้งสี่ตระกูลนี้จะถูกเรียกรวมกันว่า “เกนเปโทคิทสึ (源平藤橘)”……  เรามาเริ่มทำความรู้จักกับตระกูลเก็นจิ (源氏) กันก่อนเลยนะครับ

ตระกูลเก็นจิ หรือตระกูลมินาโมโตะ (源氏)

เป็นหนึ่งในตระกูลญี่ปุ่นที่สืบเชื้อสายราชสำนักญี่ปุ่น โดยผู้นำตระกูลคนแรกคือ มินาโมโตะ มาโกโตะ (源信) เป็นโอรสองค์ที่ 7 ของจักรพรรดิญี่ปุ่นซางะ (嵯峨天皇) เจ้าชายญี่ปุ่นแห่งยุคเฮอันตอนต้น (ช่วงรอยต่อจากยุคนาราไปสู่ยุคเฮอัน ราวคริสต์ศตวรรษที่ 7-8) โดยจุดเริ่มต้นมาจากการที่จักรพรรดิซางะให้กำเนิดชื่อสกุลว่า “เก็นจิ (源氏)” และให้ได้รับเกียรติเป็นราชสกุลหนึ่งดั่งครอบครัวของจักรพรรดิตั้งแต่นั้นมาและมีการกล่าวกันว่าเป็นยอดตระกูลที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย

มินาโมโตะ มาโกโตะ (源信) เป็นโอรสคนที่เจ็ดของจักรพรรดิญี่ปุ่นซางะ (嵯峨天皇) 
ภาพนี้วาดโดยจิตรกรชาวญี่ปุ่นคิคุจิ โยไซ

ต่อมา มินาโมโตะ โนะ สึเนะโมโตะ (源経基) ผู้เป็นเจ้าชายญี่ปุ่นและขุนศึกแห่งยุคเฮอันตอนกลาง (ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 9ประมาณ ค.ศ. 894-961) ทรงเป็นโอรสของเจ้าชายซะดะซุมิ (貞純親王) ซึ่งเป็นโอรสองค์ที่ 6 แห่งจักรพรรดิเซวะ (清和天皇) โดยพระองค์ถือเป็นต้นตระกูลของ เซวะ เก็นจิ (清和源氏) อันเป็นสาขาย่อยของตระกูลมินาโมโตะ  ครั้นเมื่อเจ้าชายสึเนะโมะโตะสิ้นพระชนม์ลงในปี ค.ศ. 961 ด้วยพระชันษาเพียง 45 ปี จักรพรรดิมุระคะมิ (村上天皇) จึงได้พระราชทานนามสกุล “มินาโมโตะ (源)” ให้ไว้เพื่อเป็นเกียรติแก่เจ้าชายสึเนะโมะโตะ 

ภาพวาด มินาโมโตะ โนะ สึเนะโมโตะ (源経基) ในยุคเฮอันตอนกลาง

ตระกูลมินาโมโตะ เป็นตระกูลขุนศึกที่ทรงอำนาจและอิทธิพลที่สุดตระกูลหนึ่งในญี่ปุ่นยุคเฮอัน เนื่องจากตระกูลนี้ได้ครองตำแหน่งโชกุนเป็นตระกูลแรกของญี่ปุ่น และเป็นตระกูลที่สืบเชื้อสายจากจักรพรรดิซางะ ซึ่งครองราชย์ระหว่างปี ค.ศ. 809 – 823 โดยมีผู้นำตระกูลมาหลายชั่วอายุคนจนถึงช่วงปลายยุคเฮอัน ที่มีมินาโมโตะ โนะ ทาเมะโยชิ (源為義) จากสายเซวะ เกนจิ (清和源氏) เป็นผู้นำในช่วงที่ตระกูลตกต่ำลงเพราะถูกตระกูลไทระ (平氏) ขึ้นมามีอำนาจแทน 

ในช่วงกบฏโฮเง็ง (保元の乱) ปี ค.ศ. 1156 มินาโมโตะ โนะ ทาเมะโยชิ และ มินาโมโตะ โนะ โยชิโตะโมะ (源義朝)ลูกชายเกิดแตกคอกันเพราะโยชิโตะโมะอยู่ฝั่งจักรพรรดิโกะชิระคาวะ (後白河天皇) ส่วนทาเมะโยชิอยู่ฝั่งอดีตจักรพรรดิสุโทะคุ (崇徳上皇) ซึ่งในที่สุดฝ่ายจักรพรรดิโกะชิระคาวะได้ชัยชนะ โยชิโตะโมะจึงต้องประหารชีวิตทาเมะโยชิ ผู้เป็นบิดาตามพระบัญชาของจักรพรรดิโกะชิระคาวะและเขาได้เป็นผู้นำตระกูลสืบต่อมา แต่เขากลับได้รับปูนบำเหน็จให้เป็นเพียงเจ้าเมืองเล็กๆ ขณะที่ไทระ โนะ คิโยโมริ (平清盛) กลับได้เป็นขุนนางใหญ่ในราชสำนัก ทำให้โยชิโตะโมะเกิดความไม่พอใจและกลายเป็นความแค้นในที่สุด

ภาพวาดเหตุการณ์กบฎโฮเง็ง (保元の乱) ในปี ค.ศ. 1156

ในวันที่ 9 มกราคม ปี ค.ศ. 1160 ซึ่งเป็นช่วงปลายของยุคเฮอันตรงกับปีเฮจิ (平治元年) เป็นวันแห่งการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่สำคัญวันหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นที่เกิดเหตุการณ์กบฎเฮจิ (平治の乱) ซึ่งมีสาเหตุมาจากภายในราชวงศ์ก่อให้เกิดการเผชิญหน้ากันระหว่างจักรพรรดิโกะชิระคาวะ (後白河天皇) กับจักรพรรดินิโจ (二条天皇) ซึ่งนำมาจุดสิ้นสุดของยุคเฮอัน…. โยชิโตะโมะได้นำกำลังพลบุกมายังนครหลวงเกียวโต จักรพรรดิโกะชิระคาวะจึงสั่งให้คิโยโมรินำกองทัพออกไปปราบปราม คิโยโมริใช้แผนล่อให้กองทัพของโยชิโตะโมะเข้ามายังโระคุฮะระ (六波羅) ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของตน และเมื่อมาถึง คิโยโมริก็สั่งให้ทหารสังหารเหล่าพลทหารของตระกูลมินาโมโตะจนแทบหมดสิ้น ทหารคนสนิทของโยชิโตะโมะพาเขาหนีรอดออกไปได้ แต่ก็ถูกกองทัพของคิโยโมริไล่ล่าอย่างไม่ลดละ เมื่อเห็นว่าคงไม่มีทางรอด เขาจึงสั่งให้ทหารคนสนิทฆ่าเขาเสียหลังจากการทำเซ็ปปุคุหรือฮาระคิริตามวิถีซามูไรผู้กล้า และทหารคนสนิทก็ฆ่าตัวตายตามเพื่อแสดงความซื่อสัตย์และความจงรักภักดี  ส่วนมินาโมโตะ โนะ โยริโตะโมะ (源頼朝) ลูกชายของโยชิโตะโมะก็ถูกจับได้ คิโย โมริจึงได้ออกคำสั่งให้เนรเทศโยริโตโมะไปอยู่ที่แคว้นอิซุ (伊豆国) ส่วนลูกชายทั้ง 3 คนของโยชิโตะโมะที่เกิดกับนางโทคิวะ คิโยโมริได้รับอุปการะเด็กทั้ง 3 คนแต่ต้องแลกกับการที่นางโทคิวะต้องมาเป็นภรรยาน้อยของคิโยโมริ…. เป็นอันสิ้นสุดกบฏเฮจิ (平治の乱)

ภาพวาดเหตุการณ์กบฎเฮจิ (平治の乱) ในปี ค.ศ. 1160

ต่อมา มินาโมโตะ โยริโตะโมะ ได้ฟื้นฟูตระกูลมินาโมโตะขึ้นใหม่อีกครั้ง หลังจากที่เจ้าชายโมะจิฮิโตะ (以仁王) โอรสองค์ที่ 3 ของจักรพรรดิโกะชิระคาวะได้ปลุกระดมคนของตระกูลมินาโมโตะให้ลุกขึ้นสู้กับตระกูลไทระ (平氏) ซึ่งในที่สุดตระกูลมินาโมโตะก็ได้ชัยชนะเหนือตระกูลไทระและมีอำนาจเหนือราชสำนัก ทำให้จักรพรรดิโกะชิระคาวะไม่พอพระทัยเป็นอย่างมากจึงพยายามยุแยงให้มินาโมโตะ โนะ โยริโตะโมะ และ มินาโมโตะ โนะ โยชิสึเนะ (源義経) แตกคอกัน ซึ่งในที่สุดโยริโตะโมะก็กำจัดโยชิสึเนะ น้องชายต่างมารดาได้สำเร็จ และหวังว่าจะขึ้นดำรงตำแหน่ง เซอิไทโชกุน(征夷大将軍) จากราชสำนัก แต่จักรพรรดิโกะชิระคาวะไม่ทรงยอม ทำให้โยริโตะโมะต้องรอไปหลายปีจนจักรพรรดิเสด็จสวรรคต จักรพรรดิพระองค์ใหม่จึงได้พระราชทานตำแหน่งเซอิไทโชกุนให้โยริโตะโมะ ในที่สุดเขาจึงสามารถจัดตั้ง รัฐบาลโชกุนคามาคุระ (鎌倉幕府) ได้สำเร็จ ซึ่งรัฐบาลโชกุนคามาคุระมีโชกุนปกครองทั้งสิ้น 9 คนเป็นระยะเวลากว่า 141 ปี ก่อนจะถูกตระกูลอะชิกะงะ (足利尊氏) โค่นล้มลงได้สำเร็จ

ภาพวาดมินาโมโตะ โนะ โยริโตะโมะ (源頼朝) ขึ้นดำรงตำแหน่ง เซอิไทโชกุน (征夷大将軍)

ขอบคุณรูปภาพจาก : https://ja.wikipedia.org , https://ameblo.jp